Counter-Strike ตำนานบทเพลงแห่งกระสุนปืน

หากพูดถึงเกมแนว First Person Shooting Counter Strike จะถูกพูดถึงในอันดับต้นๆอย่างแน่นอน ตัวเกมเป็นรูปแบบ Multiplayer ที่จะทำการแบ่งฝ่ายเป็น 2 ฝ่ายด้วยกัน ได้แก่ พันธมิตร และ อักษะ ไม่ใช่!!! ตำรวจและโจร มียอดคนเล่นทั่วโลกมากที่สุดตลอดกาล เมื่อมองไปในอดีตก่อนยุคเกมออนไลน์จะเฟื่องฟู Counter-Strike เป็นเกมที่ทำให้คนในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายมากที่สุดแล้ว เรียกได้ว่าสะท้อนสังคมในยุคสมัยความรุ่งเรืองของร้านเกมได้เป็นอย่างดีที่สุด Counter-Strike เริ่มต้นเมื่อปี 1999 เป็นรูปแบบที่แตกแขนงมาจาก Half Life จนในปัจจุบันได้กลายเป็นเกมแนว FPS ที่มีคนยอมรับและเล่นทั่วโลก เสียงพากย์ภาษาไทย กลายเป็นที่จดจำอย่างไม่มีวันลืม กับ “เราจะบุกอัดข้าศึกด้วยทุกสิ่งที่เรามี ทะลวงมันให้ทะลุอย่างไม่หยุดยั้ง!! จนมี ภาคเสริมที่ปัจจุบันขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง Counter-Strike: Condition Zero, Counter-Strike: Source ล่าสุดคือ Counter-Strike: Global Offensive ที่เปิดการแข่งขันในรูปแบบของ E-sport ด้วย

รูปแบบตัวเกม Counter-Strike

เป็นการเล่นโดยใช้มุมมองผู้เล่นบุคคลที่ 1 เลือกเล่นระหว่างผู้ก่อการร้าย หรือ ผู้ต่อต้านก่อการร้าย ในยุคแรกจะมีภารกิจให้ได้เลือกสวมบทบาทของการเล่น อย่างเช่นการวางระเบิด การช่วยตัวประกัน หรือการคุ้มกันผู้นำ VIP  แต่ ปัจจุบันนี้จะเป็นการยิงกันเพียงอย่างเดียวเสียมากกว่า เมื่อทำการเลือกฝ่ายที่ตนเองต้องการแล้ว จะสามารถเลือกใช้ปืนที่ตนเองถนัด หรือ ชอบได้ ตั้งแต่ปืนสั้น ปืนลูกซอง ปืนกลขนาดเล็ก ปืนกลกึ่งอัตโนมัติ ปืนไรเฟิล และ อุปกรณ์ในการช่วยเหลืออื่นๆ อันได้แก่ เกราะกันกระสุน ระเบิดควัน ระเบิดไฟ

ได้อะไรบ้างจากเกม  Counter-Strike

ในอดีตผู้ใหญ่มองเข้าไปในร้านเกมที่มีการตะโกนโวยวาย แบ่งฝ่ายที่เสมือนว่าจะเป็นการก่อความรุนแรง หวั่นวิตกว่าจะมีการยิงกราด เรื่องราวที่สมจริงกลายเป็นสิ่งที่น่ากังวลสำหรับผู้ใหญ่ในยุคสมัยนั้น เพราะผลพวงในยุคปี 2000 กระแสผู้ก่อการร้ายค่อนข้างเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น บินลาดิน หรือ ซัดดัม ฮุดเซน จึงกลายเป็นที่ถกเถียงจนถึงขั้นต้องวิจัยกันเลยทีเดียวศาสตราจารย์ Talmadge Wright ของ Loyola University ได้มาทำการศึกษาเรื่องเกม Counter-Strike อย่างจริงจังได้กล่าวว่า เกมแนว First Person Shooting มีความรุนแรงในระดับผิวเผินเท่านั้นเมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆ มีผลเชิงบวกมากกว่าผลเชิงลบ เนื่องจาก Counter-Strike เป็นเกมที่ต้องวางแผน และ ทำงานกันอย่างเป็นทีม เท่ากับว่าเป็นการฝึกความสามัคคีที่ดีอย่างหนึ่ง การทำงานร่วมกันสามารถสร้างสัมพันธ์ภาพของบุคคลในทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนทางด้านอารมณ์ที่เกิดขึ้นผลปรากฏว่า ทุกครั้งที่เกมจบลง อารมณ์นั้นจะส่งผลต่ออยู่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง และ ก็จะจบลงพร้อมกับหลั่งสารแห่งความสุขออกมา ทำให้ผลการวิจัยได้สรุปว่า Counter-Strike เป็นเกมที่ทำให้สร้างชุมชนและมิตรภาพที่ดี

Counter-Strikeไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมเท่านั้น แต่มัน คือ วัฒนธรรม ไม่ใช่การมั่วสุมเพื่อมอมเมา แต่มัน คือ วิถีไม่ให้ใช้เวลาไปอย่างสิ้นเปลือง กลไกการเปลี่ยนแปลงของโลก และ เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้ทำให้เกมนี้สูญหายไปไหน แต่ยังคงสามารถพบเห็นได้บนเกมออนไลน์ มีการจัดการแข่งขันเป็นกีฬา E-sport อยู่ในยุคปัจจุบันทั้งยังสามารถสร้างรายได้จากการเล่นเกมได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินรางวัลจากการแข่งขันชนะ ที่เปิดให้เข้าแข่งในนามทีมชาติ มีลงทะเบียนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก นอกจากได้เงินรางวัลแล้ว ชื่อเสียงก็ยังตามมาอีก แบบนี้จะเรียกว่าการเล่นเกม Counter-Strike ไม่มีประโยชน์ได้อย่างไร